"จีน"ทุ่มแสนล้าน ผลิตพลังงานหมุนเวียน
ความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก บวกกับปัญหาพลังงานธรรมชาติอย่าง "ถ่านหิน" ที่ก่อให้เกิดมลภาวะ ทั้งยังหายากขึ้นทุกวัน
ทำให้ประเทศ "จีน" ซึ่งเป็นมหาอำนาจดาวรุ่งอยู่ในขณะนี้ ต้องวางแผนด้านพลังงานให้ดี เพราะเรื่องของพลังงานนั้นส่งผลกระทบต่อ "ความมั่นคง" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัจจุบัน ถือว่าจีนเป็นชาติที่มีอัตรานำเข้าและเผาผลาญน้ำมันสูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ขณะเดียวกันไฟฟ้าร้อยละ 70 ที่ใช้ในประเทศจีนก็มีแหล่งกำเนิดมาจากถ่านหิน
เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานระยะยาว รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนจึงมอบหมายให้บริษัทพลังงานในกำกับของรัฐ นั่นคือ "ไชน่า เอนเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น อินเวสต์เมนต์ คอร์ป." เริ่มลงทุนวางโครงสร้างสำหรับดึงเอา "พลังงานหมุนเวียน" มาใช้ประโยชน์สูงสุด
พร้อมกับออกกฎหมายลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่ให้กับบริษัทและธุรกิจที่ใช้พลังงานหมุนเวียนประเภทต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม น้ำ และพลังงานชีวมวล (ไบโอแมส)
เบื้องต้น บริษัทไชน่า เอนเนอร์ยี่ฯ ประกาศทุ่มเงินลงทุนอย่างต่ำ 99,200 ล้านบาทภายใน 5 ปี เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทดังกล่าว
ล่าสุด โรงไฟฟ้าพลังลมขนาดยักษ์ 2 แห่ง และโรงไฟฟ้าจากการเผาขยะและบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่อีก 1 แห่งของจีนก็ได้ฤกษ์ตอกเสาเข็มก่อสร้างกันไปแล้ว
นอกจากนั้น ภายใน 5 ปีข้างหน้ายังจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังขยะเพิ่ม 9 แห่ง และสร้างโรงไฟฟ้าพลังชีวมวล ในจังหวัดที่เน้นสร้างผลผลิตทางการเกษตรเป็นหลักอีก 30 แห่ง เพื่อนำขยะ/วัสดุเหลือใช้จากการเกษตรมาเผาไหม้นำความร้อนมาผลิตเป็นไฟฟ้า
จีนตั้งเป้าว่าภายในปี 2563 พลังงานหมุนเวียนจะมีสัดส่วนการใช้งานคิดเป็นร้อยละ 15 ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนไปเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นชาติมหาอำนาจ หรือ ชาติเล็กๆ ถ้าเป็นเรื่องของพลังงานแล้วจะประมาทปล่อยเลยตามเลยไม่ได้เด็ดขาด
0 Comments:
Post a Comment
<< Home