"โทร.แล้วขับ" เท่ากับ"เมาแล้วขับ!"
การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ ไม่ว่าจะใช้มือหยิบขึ้นมาโทร. หรือ โทร. ผ่านระบบแฮนด์ฟรี มีผลทำให้ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะของคนเราลดลง
ทั้งยังลดลงในระดับย่ำแย่ ใกล้เคียงกับคนที่ดื่มเหล้า-เมาแล้วขับรถยนต์อีกด้วย
ข้อความข้างต้นนี้ก็คือ ข้อมูลที่คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดพิมพ์เป็นรายงานนำเสนอต่อสังคมสหรัฐและต่อหน่วยงานที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
"เดวิด สเตรเยอร์" ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยยูท่าห์ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะวิจัยเรื่องผลกระทบจากขับขี่รถยนต์ขณะใช้มือถือ ระบุว่า
ผลการวิจัยครั้งนี้ได้มาจากการติดตามเก็บข้อมูลจากอาสาสมัคร 40 คน ซึ่งเข้าไปใช้ระบบคอมพิวเตอร์จำลองสภาพการขับขี่รถยนต์ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ กัน
คณะวิจัยแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
(1.) กลุ่มที่ขับรถในสภาพปกติ ปราศจากสิ่งรบกวน (2.) กลุ่มที่คุยมือถือขณะขับรถ (3.) กลุ่มที่คุยมือถือผ่านระบบแฮนด์ฟรีขณะขับรถ และ (4.) กลุ่มที่ดื่มเหล้าขาววอดก้าเข้าไปจนมีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่าที่กฎหมายสหรัฐกำหนด นั่นคือ 0.08 เปอร์เซ็นต์
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทดลองพบว่า ความสามารถในการขับรถของกลุ่มที่ 2 และ 3 ไม่แตกต่างกัน หมายความว่าการใช้ระบบแฮนด์ฟรี มีส่วนทำให้เสียสมาธิและไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
โดยในเรื่องปฏิกิริยาตอบสนองด้านการเหยียบ "เบรก" ของกลุ่มที่ 2-3 พบว่า เชื่องช้ากว่ากลุ่มที่ 1 ประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนั้น ความสามารถในการรักษาความเร็วรถให้อยู่คงที่และให้ห่างจากรถคันหน้าในระดับที่เหมาะสมของกลุ่มที่ 2-3 ยังลดลงมาเหลือเพียง 24 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อจำเป็นต้องเร่งทำความเร็วให้กลับสู่ระดับที่เหมาะสม พบด้วยว่า กลุ่มที่ 2-3 มีปฏิกิริยาตอบสนองช้ากว่าคนไม่คุยมือถือ 19 เปอร์เซ็นต์
เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ 4 หรือ กลุ่มเมาแล้วขับ พบว่า กลุ่ม 2-3 ไม่ได้มีความสามารถควบคุมรถยนต์เหนือกว่าแต่อย่างใด
ดังนั้น คณะนักวิจัยยูท่าห์จึงเสนอว่า ถ้ารัฐบาลต้องการเอาจริงเอาจังกับนโยบายลดอุบัติภัยบนท้องถนน
ก็ควรออกกฎหมายห้ามประชาชนใช้มือถือและห้ามใช้ระบบแฮนด์ฟรีขณะขับรถ เช่นเดียวกับที่มีกฎหมายห้ามคนเมาขับรถ!
0 Comments:
Post a Comment
<< Home